บริการวางแผนครอบครัว / คุมกำเนิด

บริการวางแผนครอบครัว
“การวางแผนครอบครัว” เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมีบุตร รวมถึงการเว้นระยะห่างระหว่างการตั้งครรภ์ได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ ยาคุมบางชนิดยังมีประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ช่วยปรับรอบเดือน ลดอาการปวดประจำเดือน และลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางประเภทอีกด้วย

ทำไมจึงควรปรึกษาแพทย์?
ปัจจุบันมีวิธีคุมกำเนิดให้เลือกมากมาย ทั้งแบบที่มีฮอร์โมนและไม่มีฮอร์โมน รวมถึงวิธีที่มีระยะเวลาการออกฤทธิ์แตกต่างกัน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

การปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมน จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสุขภาพและความต้องการของแต่ละคน โดยแพทย์จะทำการประเมิน และให้คำแนะนำที่คำนึงถึงความปลอดภัย ประสิทธิภาพ ระยะเวลาของผลลัพธ์ และสุขภาพโดยรวมของผู้เข้ารับคำปรึกษา ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจและปลอดภัยกว่าการเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยตนเอง

​

ยาคุมมีกี่ชนิด?
ยาคุมสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

​

1. ยาคุมระยะสั้น
ยาคุมกลุ่มนี้มีฤทธิ์คุมกำเนิดในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1-3 เดือน หากต้องการผลต่อเนื่อง ต้องใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เมื่อหยุดใช้สามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้เร็ว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีแผนจะมีบุตรในอนาคตอันใกล้

ตัวอย่าง:

ยาคุมชนิดเม็ด
ยาคุมชนิดฉีด (1 เดือน หรือ 3 เดือน)
โดยประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการใช้ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 90-95% หมายความว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 5-10 รายใน 100 ราย

​

2. ยาคุมระยะยาว
ยาคุมกลุ่มนี้มีฤทธิ์คุมกำเนิดยาวนาน ตั้งแต่ 3-5 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะเวลานาน ไม่มีแผนจะมีบุตร หรือมีบุตรเพียงพอแล้ว

​

ยาฝังคุมกำเนิด (Implant)
เป็นการฝังหลอดยาที่มีฮอร์โมนใต้ผิวหนังบริเวณท้องแขน ฮอร์โมนจะถูกปล่อยออกมาอย่างช้า ๆ และออกฤทธิ์ต่อเนื่อง โดยมีประสิทธิภาพสูงถึง 99.95% โอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.05% หรือ 1 ใน 2,000 ราย

​

ชนิดของยาฝัง:

Implanon NXT (1 แท่ง) ออกฤทธิ์ 3 ปี
Jadelle (2 แท่ง) ออกฤทธิ์ 5 ปี

การใส่ห่วงอนามัย (Intrauterine Device – IUD)
เป็นการใส่ห่วงอนามัยในโพรงมดลูกเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ มี 2 ชนิด ได้แก่

 

ห่วงชนิดทองแดง (Copper IUD) – ไม่มีฮอร์โมน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ฮอร์โมนได้ มีประสิทธิภาพสูงถึง 99.2% ใช้งานได้ 5 ปี ข้อดีคือไม่รบกวนรอบเดือน แต่บางรายอาจมีประจำเดือนมามากขึ้นหรือปวดท้องมากขึ้น

ห่วงชนิดฮอร์โมน (Levonorgestrel IUS) มีฮอร์โมนโปรเจสติน ช่วยลดปริมาณประจำเดือน ลดอาการปวดท้อง และป้องกันมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ประสิทธิภาพสูงถึง 99.8% ใช้งานได้นาน 5-7 ปี

​

 

ยาฉีด

ยาคุมแบบฉีด 1 เดือน

• เป็นฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจน + โปรเจสเตอโรน)

• ฉีดบริเวณต้นแขน

• มีประจำเดือนปกติทุกเดือน

• ไม่ส่งผลต่อน้ำหนักตัว

• ไม่เหมาะกับคุณแม่ให้นมบุตร เนื่องจากอาจทำให้น้ำนมน้อยลง

ยาคุมแบบฉีด 3 เดือน

• เป็นฮอร์โมนเดี่ยว (โปรเจสเตอโรน)

• ฉีดบริเวณสะโพก

• อาจไม่มีประจำเดือนหรือมากระปริดกระปรอย

• อาจมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มความอยากอาหาร

• สามารถใช้ได้ในคุณแม่ให้นมบุตร

 

สรุป

การเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนชีวิตและสุขภาพของแต่ละบุคคล หากต้องการความมั่นใจและปลอดภัย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคุณ